ในความเป็นจริงแล้วเราปฏิเสธการรับสื่อต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราได้หรือไม่นั้น ให้ลองสังเกตเพื่อนๆ รอบตัวคุณก็ได้ครับ ต้องมีหลายคนแน่ๆ พยายามที่จะใช้ชีวิตแบบมิดชิดอยู่บนโลกออนไลน์ "ส่อง" อย่างเดียว ไม่คอมเมนท์ ไม่กดไลท์
แล้วพวกเค้าหลบโฆษณาได้แล้วใช่หรือไม่?
ในความเป็นจริง ในชีวิตประจำวันของพวกเราต่างก็ต้องสัมผัสกับความหลากหลายของสื่อ และข้อความทางการตลาดมากมายไม่มากก็น้อย และถือเป็นเรื่องปกติที่เราพบได้ทั่วๆ ไป ในส่วนของสื่อใหม่อย่างสื่อสังคมออนไลน์เราก็ยิ่งพบเห็นได้ง่ายจากสื่อทุกช่องทาง ทำให้ผมแปลกใจทุกครั้งที่เห็นบางบริษัทเมื่อเริ่มที่จะทำการสื่อสารการตลาด แต่กลับต้องมาชั่งน้ำหนักทุกครั้งว่าจะเลือกแนวทางใดดี ระหว่างสื่อสังคมออนไลน์หรือสื่อแบบเก่า?
เพราะจริงๆ แล้วสื่อสังคมออนไลน์ที่เราคุ้นเคยนั้น ไม่ใช่แค่การเขียนบล็อก โพสต์ข้อความ หรือสร้างเครื่องมือสื่อสาร แต่มันรวมไปถึงทุกกิจกรรมที่คุณพบเห็นทางช่องทางออนไลน์แล้วส่งต่อข้อความนั้นในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เช่น การที่ลูกค้าของคุณได้ดูวิดีโอบน YouTube แล้วบอกต่อกับเพื่อนถึงประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาได้รับ หรือโพสต์เพื่อแสดงความคิดเห็นต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ หรือแค่กดไลท์ นั่นหมายความว่า พวกเขาได้มีส่วนร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์แล้ว
ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อบริษัทสร้างสรรค์แคมเปญบนสื่อสังคมออนไลน์แล้วก่อให้เกิดกระแสที่ทำให้ผู้คนเกิดการพูดคุยแล้วบอกต่อทั้งในแง่ดีและไม่ดี ก็กล่าวได้ว่า ได้เข้าสู่สื่อสังคมออนไลน์ในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
อย่างที่รู้กันดีว่า สื่อเก่าและสื่อสังคมออนไลน์นั้นมีวัตถุประสงค์การใช้งาน และมีเป้าหมายการนำเสนอที่แตกต่างกัน เราจึงควรมองให้ลึกถึงประโยชน์ของสื่อแต่และประเภท แล้วนำมาปรับการใช้งานให้สามารถสนับสนุนกระบวนการสื่อสารการตลาดที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลในเชิงบวกต่อกระบวนการสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ (Brand Experience) ได้มากที่สุด และเพื่อให้เห็นว่าสื่อทั้ง 2 ประเภท มีส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างไร เราลองมาพิจารณาไปพร้อมๆ กันนะครับ
เหตุผลที่สื่อสังคมออนไลน์ต้องการจากสื่อเก่า
- เพราะคนที่ออนไลน์ อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์
- สื่อเก่ากระจายการรับรู้แบรนด์ได้ในวงกว้างและไม่จำกัด
- สื่อเก่ารองรับการเข้าถึงเนื้อหาทางการตลาดด้วยการวางตำแหน่งเนื้อหา แต่สื่อสังคมออนไลน์อาจจะ หรือจับต้องไม่ได้
- สื่อเก่าใช้เพื่อการสร้างตราสินค้าได้ดี หากไม่ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างมีนัยสำคัญ
- สื่อเก่าส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นเพื่อการเสนอขาย ต่างกับการทำตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ที่เน้นด้านการสร้างความสัมพันธ์
- สื่อเก่าช่วยส่งข้อความไปยังตลาดของคุณในส่วนที่เปิดกว้างมากที่สุดได้เร็วขึ้น
- สื่อเก่ามีโครงสร้างและความคงเส้นคงว่ามากว่าสื่อสังคมออนไลน์
- การตลาดแบบเก่าเน้าสร้างการรับรู้ ส่วนการตลาดแบบออนไลน์สร้างความไว้วางใจ
เหตุผลที่สื่อเก่าต้องการจากสื่อสังคมออนไลน์
- งบประมาณการตลาดที่มีอย่างจำกัด
- สื่อสังคมออนไลน์ทำให้บริษัทมีโอกาสที่ได้รับข้อมูล เพื่อนำมาปรับปรุงการจัดการได้ดีขึ้นจากข้อเสนอแนะที่ได้รับโดยตรงจากลูกค้า
- สื่อสังคมออนไลน์ใช้เพื่อทดลองแนวความคิดใหม่ๆ ก่อนจะนำผลสำรวจที่ได้มาผลิตเพื่อเผยแพร่บนสื่อเก่าที่มีราคาแพง
- สื่อเก่าทำให้คนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายจากโฆษณาจำนวนมากที่พบในชีวิตประจำวัน ทำให้เลือกที่จะละเลย หรือหลีกเลี่ยงการดูโฆษณา
- สื่อเก่าไม่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและความมีส่วนร่วมจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
- สื่อเก่าสื่อสารได้ทางเดียว ไม่สามารถพูดคุย ถามคำถาม และฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
- การโฆษณาแบบเก่ามีช่วงเวลาจำกัด และเป็นการรอที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่สื่อสังคมออนไลน์สามารถแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย
- การสื่อสารการตลาดแบบเก่าเป็นเรื่องยากที่จะวัดผลสำเร็จ แต่บทเรียนจากสื่อสังคมออนไลน์สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นแนวทางให้กับสื่อเก่าได้
ดังนั้นการนำเสนอผ่านสื่อทั้ง 2 รูปแบบ จึงต้องผสมผสานจุดดีจุดด้อยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการสื่อสารที่กำหนดไว้มากที่สุด และนี่คือส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ของแบรนด์ (Brand Experience) ที่อยู่นอกเหนือจากงานของฝ่ายการตลาดจะทำได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดมาจากลูกค้าของคุณเท่านั้น ยิ่งแบรนด์ของคุณสามารถเชื่อมโยงกับพวกเขา และพวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับตราสินค้า นี่จึงจะเป็นตัวการที่ช่วยกำหนดให้มีการตัดสินใจซื้อครั้งถัดไปของพวกเขาว่า จะจงรักภักดีและรู้สึกเชื่อมั่นมากพอที่จะให้การสนับสนุนแบรนด์ต่อไปในอนาคตหรือไม่
(นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "การบริการลูกค้า" ซึ่งเราจะพูดถึงในครั้งถัดไป... #gramdigital)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น